ลูกหมาว่ายน้ำ ฝึกอย่างไร ให้ปลอดภัย?

ถึงแม้ว่าโดยส่วนใหญ่ ลูกสุนัขจะว่ายน้ำได้เองตามสัญชาตญาณ เพราะสุนัขมีพังผืดที่นิ้วเท้า สามารถช่วยให้ลอยตัวและพายน้ำได้ แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยสรีระร่างกายที่ต่างกันในแต่ละสายพันธุ์ ทำให้ยังมีลูกสุนัขบางพันธุ์ ที่ว่ายน้ำได้ไม่เก่ง หรือว่ายน้ำไม่ได้เลย เช่น

• สุนัขที่มีหัวโตเกินไป เช่น เฟรนช์บูลด็อก เพราะจะทำให้ลอยตัวได้ยาก ประกอบกับพันธุ์เหล่านี้ ที่จะมีช่วงขาที่สั้นและยังมีน้ำหนักตัวที่เยอะ ก็จะยิ่งทำให้ว่ายน้ำได้ค่อนข้างลำบาก
• สุนัขที่มีขาสั้นเกินไป เช่น บาสเซทฮาวนด์ เพราะจะทำให้พายน้ำลอยตัว ด้วยขาที่สั้นได้ลำบาก
• สุนัขที่มีขนหนา ฟู เช่น ซามอยด์ เพราะขนจะดูดซับน้ำได้มากกว่าพันธุ์ขนสั้น ทำให้ไปเพิ่มน้ำหนักตัว และว่ายน้ำได้ยากขึ้น
• สุนัขที่มีหน้าสั้น ปาก และจมูกสั้น เช่น ปั๊ก บลูด็อก ชิสุ จะทำให้น้ำเข้าจมูกได้ง่าย อาจจะทำให้สุนัขสำลักง่าย หรือเป็นหวัดได้
• สุนัขที่มีขนาดตัวเล็กมากๆ เช่น ชิวาว่า พุดเดิ้ลทอย ปอมเมอเรเนียน การออกแรงมากเกินไป อาจทำให้กล้ามเนื้อบาดเจ็บได้ เป็นต้น

นอกจากนี้ ลูกสุนัขที่ยังเล็กมาก หรือมีอายุไม่ถึง 2 เดือน ก็ยังไม่ควรพาไปว่ายน้ำ เพราะระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายยังไม่สมบูรณ์ อาจป่วยได้ง่าย ทั้งจากเชื้อโรคในน้ำ หรืออุณหภูมิของน้ำที่อาจจะเย็นเกินไป อาจทำให้น้องช็อคได้ ดังนั้น ก่อนพาลูกสุนัขไปว่ายน้ำ ควรปรึกษาสัตวแพทย์ก่อน เพื่อตรวจสุขภาพ และสอบถามวิธีการฝึกว่ายน้ำที่ถูกต้องและปลอดภัย

ไอเทมสำคัญสำหรับลูกสุนัขที่เพิ่งเริ่มฝึกว่ายน้ำ ควรเริ่มจากการใส่ชูชีพสุนัขด้วยทุกครั้ง  โดยเริ่มแรก ควรทำให้น้องคุ้นชินกับเสื้อชูชีพก่อน เพื่อให้เขารู้สึกปลอดภัย อุ่นใจ ไม่ตื่นตกใจ

เทคนิคง่ายๆ ในการเริ่มต้นว่ายน้ำของลูกสุนัข

• ใส่เสื้อชูชีพสุนัขทุกครั้ง
• ควรเริ่มจากการเดินเล่นในที่น้ำตื้นๆ หรือน้ำขังก่อน
• เมื่อคุ้นชินกับน้ำแล้ว ให้ค่อยๆวักน้ำให้เปียกเท้า เปียกขา เปียกใต้ท้องก่อน (อารมณ์เหมือนโดนคลื่นที่ทะเลซัด)
• พยายามทำให้น้องหมาสนุกกับการว่ายน้ำ โดยเราอาจจะให้ขนม หรือของเล่นที่เขาชื่นชอบก่อนลงสระ เพื่อให้น้องหมาอยู่ในอารมณ์สงบนิ่ง ไม่ตื่นกลัว
• ในการจะพาน้องหมาลงสระน้ำนั้น ห้ามใช้วิธีโยนน้องลงไปในสระเด็ดขาด เพราะจะทำให้เขาตื่นกลัว และทำให้ไม่ชอบว่ายน้ำอีกเลย ที่สำคัญอาจทำให้น้ำเข้าจมูกด้วย และเป็นอันตรายต่อน้องได้

• การลงว่ายน้ำครั้งแรก เจ้าของควรอุ้มน้องไว้แนบอก แล้วใช้เทคนิคการย่อตัวลง เพื่อให้น้องหมารู้สึกปลอดภัย และให้เขาเริ่มหัดใช้ขาพายน้ำ หรือใช้อุ้งเท้าว่ายน้ำ ข้อสังเกตคือ หากน้องหมาตีขาเหนือน้ำ แล้วน้ำกระเด็นเต็มไปหมด อารมณ์เหมือนคนตกใจจะจมน้ำ อาการนี้จะถือว่าน้องยังว่ายน้ำไม่เป็นและตื่นกลัวมากๆ ห้ามปล่อยน้องเด็ดขาด ต้องค่อยๆ ให้น้องใช้อุ้งเท้าพายขาในน้ำได้อย่างสบายใจก่อน จึงจะไปในขั้นต่อไปได้ ซึ่งไม่จำเป็นต้องว่ายเป็นในครั้งเดียว ต้องค่อยๆสร้างความคุ้นเคยไปก่อนจะดีกว่า

• หลังจากลูกสุนัขหายตื่นกลัวและเริ่มใช้อุ้งเท้าพายน้ำได้แล้ว ขั้นต่อไป คือให้เจ้าของอุ้มพยุงน้องที่ช่วงหลังขาหน้า โดยประคองช่วงลำตัวไปก่อน เป็นการฝึกการพายขาให้ชำนาญ เมื่อเขาเริ่มว่ายน้ำได้ดีขึ้น ให้เจ้าของอยู่ด้านหน้าสุนัข ยืดแขนให้ตรง แล้วช่วยจับประคองชูชีพช่วงคอ น้องหมาจะเห็นเจ้าของตลอดและอุ่นใจขึ้น

• เมื่อลูกสุนัขเริ่มว่ายน้ำได้แล้ว ให้ลองปล่อยให้ว่ายเอง โดยต้องสวมชูชีพทุกครั้ง และต้องมีเจ้าของอยู่ดูแลอย่างใกล้ชิดทุกครั้งด้วย การให้น้องหมาว่ายน้ำ ไม่จำเป็นต้องให้ว่ายนานๆ แต่ควรให้ว่ายบ่อยๆ และสม่ำเสมอ ครั้งละ 15-20 นาที หรือแล้วแต่ความเหมาะสมของลูกสุนัขแต่ละตัวเป็นหลัก

สิ่งสำคัญที่สุดในการว่ายน้ำของลูกสุนัข คือ พวกเขาต้องสวมใส่ชูชีพสุนัขทุกครั้งนะคะ และในแต่ละขั้นตอน จะใช้เวลาในการฝึกที่เร็วหรือช้าแตกต่างกัน เจ้าของควรพิจารณาจากนิสัยและพฤติกรรมของลูกสุนัขเป็นหลัก เพราะการพาไปว่ายน้ำ เป็นการออกกำลังกายที่ดี ช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรง หัวใจแข็งแรง และช่วยคลายเครียดได้อีกด้วย อีกทั้งยังควรพาไปว่ายน้ำในสระว่ายน้ำที่สะอาด ปลอดภัย และมีเจ้าหน้าที่ดูแลอย่างใกล้ชิด

สำหรับช่วงเดือนที่เหมาะสมในการพาลูกสุนัขไปว่ายน้ำนั้น ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในแต่ละพื้นที่ โดยทั่วไป ควรพาไปว่ายน้ำในช่วงที่อากาศอบอุ่นหรือร้อน เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกหมาตัวเปียกแล้วหนาวจนป่วยได้

นอกจากนี้ ยังมีข้อควรระวังอื่นๆ อีกหลายอย่างก่อนพาลูกสุนัขไปว่ายน้ำ เช่น

• ควรพาไปฉีดวัคซีนให้ครบก่อน
• ควรพาไปฝึกว่ายน้ำกับผู้เชี่ยวชาญก่อน
• ควรเลือกสระว่ายน้ำที่สะอาด ปลอดภัย และมีเจ้าหน้าที่ดูแลอย่างใกล้ชิด
• ควรสังเกตอาการของลูกสุนัขอย่างใกล้ชิด ระหว่างว่ายน้ำและหลังว่ายน้ำ หากพบว่ามีอาการผิดปกติ ควรรีบพาไปพบสัตวแพทย์ทันที
• ควรใส่เสื้อชูชีพทุกครั้ง และเจ้าของควรศึกษาข้อมูล และเตรียมความพร้อมให้ลูกสุนัข ก่อนที่จะพาไปว่ายน้ำทุกครั้ง