การเริ่มต้นใช้งานกล้องดูดาวในครั้งแรก อาจเป็นเรื่องที่น่าท้อใจสำหรับมือใหม่หลายๆ คน และปัญหาหลักๆ ก็เกิดจากการที่เราไม่รู้วิธีการใช้งานที่ถูกต้องนั่นเอง
เช่น การที่เราใช้เลนส์ใกล้ตาขนาดต่างๆร่วมกับตัวกล้องดูดาว ทำให้เกิดการซูมภาพหรือได้กำลังขยายของภาพที่มากขึ้น ซึ่งภาพที่เรามองเห็นผ่านเลนส์นั้นๆ จะเป็นพื้นที่ที่มีขนาดเล็กมากๆ ถ้าเทียบกับภาพโดยรวมทั้งหมดบนท้องฟ้าที่ตาเรามองเห็น ดังนั้น การจะหาวัตถุใดๆ ก็ตามบนท้องฟ้าผ่านเลนส์ใกล้ตาสำหรับมือใหม่ ถือเป็นเรื่องที่ยากพอสมควร เนื่องจากการส่องดาวผ่านเลนส์ จะทำให้ได้มุมมองภาพที่แคบกว่าการดูดาวด้วยตาเปล่ามากๆๆ
โดยภาพแรกที่มือใหม่เห็นผ่านเลนส์ใกล้ตา อาจจะเป็นแค่ภาพดำๆ มืดๆ มัวๆ ซึ่งภาพนั้นก็เป็นจุดๆ หนึ่งบนท้องฟ้าที่เราเล็งแล้วเล็งอีกและมั่นใจในตัวเองว่าเป็นจุดนี้แน่ๆ แต่ทำไมพอส่องผ่านเลนส์ กลับมองไม่เห็นอะไรเลย ทั้งๆ ที่เราก็คิดว่าเล็งกล้องถูกจุดแล้ว และไม่ว่าเราจะพยายามขยับลำกล้องแค่ไหน ก็หาวัตถุนั้นไม่เจออยู่ดี ทั้งๆ ที่มองด้วยตาเปล่าก็มองเห็นอยู่ตรงนั้นเอง ซึ่งในสถานการณ์แบบนี้ ชวนให้หงุดหงิดไม่น้อยเลย ดังนั้นในครั้งแรก คุณต้องลำดับขั้นตอนการใช้งานให้ดี อย่าใจร้อนเล็งวัตถุด้วยกล้องทันทีโดยไม่สนวิธีการ
และนอกเหนือจากความรู้ความเข้าใจในเรื่องของการดูดาวแล้ว การเปลี่ยนจากดูด้วยตาเปล่ามาใช้กล้องดูดาวนั้น มีสิ่งที่ควรทำและควรรู้มากมายก่อนลงสนามจริง และควรจะฝึกทำอย่างสม่ำเสมอจนกระทั่งชินมือในที่สุด
ดังนั้นในบทความนี้ จะมาแนะนำวิธีการใช้งานกล้องดูดาว ฉบับมือใหม่แกะกล่อง เพื่อให้คุณกลายเป็นนักดูดาวระดับเริ่มต้นได้อย่างแท้จริง หากใครผ่านไปผ่านมาแล้วยังมีความรู้ในหัวเป็นศูนย์อยู่ สามารถกลับไปอ่านบทความก่อนหน้านี้เพื่อเริ่มทำความเข้าใจก่อนได้ใน >EP1 สิ่งที่ควรรู้ ก่อนเลือกซื้อ< และ >EP2 ส่วนประกอบต่างๆ< ซึ่งในบทความนี้ เราจะข้ามในส่วนของการประกอบไปก่อน เนื่องจากกล้องดูดาวแต่ละตัวอาจจะมีการประกอบที่แตกต่างกันเล็กน้อย แต่มีข้อควรระวังระหว่างการประกอบกล้องดูดาว คือ
1. วางตำแหน่งขาตั้งไปทางทิศเหนือ ซึ่งขาตั้งบางรุ่นจะมีหมุดหรือตำแหน่งบอก ว่าให้วางขาฝั่งไหนไปทางทิศเหนือ หรือหากไม่มีบอก ให้กางขาตั้งให้สมดุลไปตามแนวทิศเหนือหรือทิศใต้ สามารถใช้เข็มทิศหรือแอปฯในสมาร์ทโฟนระบุทิศได้ เพื่อความแม่นยำ
2. ก่อนติดตั้งเมาท์ ปรับความสูงขาตั้งตามต้องการ จากนั้นทำให้ขาตั้งกล้องสมดุลหรือขนานไปกับพื้นโลก ไม่เอียงไปทางใดทางหนึ่ง หากกล้องดูดาวไม่มีระดับน้ำบอก สามารถซื้อที่วัดระดับน้ำแนวระนาบ หรือ โหลดแอปฯวัดระดับน้ำในสมาร์ทโฟนมาใช้ได้
เมื่อประกอบเสร็จแล้ว ก่อนอื่นเรามาทบทวนความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกล้องดูดาวก่อนเลย โดยเริ่มจากส่วนประกอบหลักที่สำคัญ ดังนี้
- ท่อลำกล้อง (Optical Tube) : ส่วนที่ช่วยรวมแสงและสร้างภาพวัตถุเบื้องต้น มีประเภทและหลักการเดินทางของแสงที่ต่างกัน
- เลนส์ใกล้ตา (Eyepiece) : เลนส์ที่ใช้ขยายภาพวัตถุนั้นให้ใหญ่ขึ้น ก่อนส่งภาพวัตถุนั้น เข้าสู่ดวงตาของเรา
- กล้องเล็ง (Finderscope) : ช่วยเล็งตำแหน่งของวัตถุบนท้องฟ้า ทำให้หาวัตถุผ่านกล้องได้เร็วและมีความแม่นยำมากขึ้น
- เมาท์ (Mount) : ฐานที่รองรับน้ำหนักกล้องดูดาว และช่วยควบคุมการเคลื่อนที่ของลำกล้อง โดยมีประเภทและการใช้งานที่แตกต่างกันมาก ทั้งแบบง่ายและแบบซับซ้อน
- ขาตั้ง (Tripod) : ฐานที่รองรับน้ำหนักของเมาท์และลำกล้อง โดยจะเป็นแบบ 3 ขา ยกเว้นกล้องดูดาว Dobsonian ขนาดใหญ่ (ขนาดเล็กบางรุ่น สามารถนำมาวางเชื่อมต่อกับขาตั้งได้อีกที)
นอกจากนี้ ยังมีอุปกรณ์อื่นๆที่ใช้ดูดาวด้วยตาเปล่าปกติ ที่ก็ยังควรมีติดไว้ขณะดูดาวด้วยกล้อง ไม่ว่าจะเป็น เข็มทิศ ไฟฉายหุ้มกระดาษแก้วสีแดง แผนที่ดาว หรือ แอปฯดูดาวที่ถนัด แล้วยังต้องมีที่วัดระดับน้ำสำหรับปรับสมดุลขาตั้ง (หรือใช้แอปฯ แทนก็ได้)
ปัจจัยที่ไม่ควรมองข้าม :
1. สถานที่ : เลือกสถานที่ดูดาวที่มืดสนิท หรือมืดมากพอให้เห็นดาวบนท้องฟ้าได้ชัดเจน โดยเลี่ยงดูดาวในตัวเมืองได้จะดีที่สุด เพื่อไม่ให้มีแสงไฟหรือหมอกควันจากฝุ่นมารบกวนการมองเห็นมากจนเกินไป แต่ถ้าจะดูเฉพาะดวงจันทร์ ดาวเคราะห์หรือกลุ่มดาวฤกษ์ที่สว่างมากๆ ณ ตอนนั้น ก็แล้วแต่ความสะดวกของแต่ละบุคคล
2. สภาพแวดล้อม : นอกจากความมืดแล้ว การเลือกพื้นที่ที่มีความโล่ง โปร่ง มองเห็นได้รอบทิศ ก็จะยิ่งทำให้สามารถหาและสังเกตการเคลื่อนที่ของดาวได้ดีขึ้น หรือถ้าคุณดูดาวอยู่ที่บ้านง่ายๆ ทิศที่เปิดโล่งควรจะเป็นทิศเหนือ และ ทิศตะวันออก เพื่อการสังเกตการที่ง่ายและสะดวกที่สุด แต่ก็แล้วแต่ความต้องการของคุณ เช่น ต้องการดูดาวศุกร์ สามารถตั้งกล้อง เตรียมดูดาวศุกร์ในทิศตะวันตกช่วงหัวค่ำได้เลย
3. สภาพอากาศ : นอกจากความโปร่งของสถานที่แล้ว ความโปร่งของท้องฟ้ายิ่งสำคัญต่อการดูดาว โดยควรเลือกวันที่ท้องฟ้าโปร่งใส ไม่มีเมฆยิ่งดี โดยฤดูที่เหมาะสมที่สุดในการดูดาวจะเป็นในช่วงฤดูหนาว
4. การเตรียมตัว : วางแผนล่วงหน้าสำหรับค่ำคืนนั้นๆ ว่าในช่วงเวลาที่เราเลือกดูดาว จะมีดาวเคราะห์ หรือวัตถุใดๆ น่าสนใจปรากฏให้เห็นบ้าง และหากต้องการดูวัตถุท้องฟ้าลึกอย่างพวกกาแล็กซี่ เนบิวลา ควรหลีกเลี่ยงดูดาวในช่วงวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ หรือช่วงที่พระจันทร์เต็มดวง เนื่องจากทั้งคืนนั้นจะเต็มไปด้วยแสงจันทร์ที่สว่างเป็นพิเศษ ทำให้ไปบดบังการมองเห็นวัตถุที่อยู่ในห้วงอวกาศลึกได้
เมื่อท่องจำจนขึ้นใจและจดจำสิ่งต่างๆ ที่สำคัญได้แล้ว เรามาเริ่มต้นใช้งานด้วยวิธีง่ายๆ กันก่อน ด้วยสิ่งที่เรียกว่า "กล้องเล็ง"
1. การปรับกล้องเล็ง ให้ตรงกับกล้องดูดาว
ด้วยความที่กล้องเล็งมีกำลังขยายต่ำหรือไม่มีกำลังขยายเลย ทำให้ได้มุมมองภาพที่กว้างกว่ากล้องดูดาวมาก ดังนั้น การเล็งวัตถุผ่านกล้องเล็งก่อน จะทำให้สามารถดูดาวผ่านเลนส์ใกล้ตาได้ง่ายยิ่งขึ้น นับว่าเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญอย่างมากสำหรับมือใหม่ โดยเฉพาะเมื่อใช้กล้องดูดาวที่มีกำลังขยายสูงๆ
** ในกล้องดูดาวที่ใช้เมาท์แบบ Equatorial จะมีลำดับการปรับกล้องเล็งที่ไม่เหมือนการใช้เมาท์แบบอื่น เนื่องจากจะมีขั้นตอนที่ซับซ้อนขึ้นอย่างการปรับสมดุลกล้องและจัดตำแหน่งขั้วโลก
วิธีปรับกล้องเล็งเบื้องต้น : ต้องบอกก่อนเลยว่ากล้องเล็งนั้นมีหลากหลายประเภทเช่นกัน ดังนั้น การปรับกล้องเล็งแต่ละตัวจะไม่ได้เหมือนกัน 100% แต่ทุกตัวจะมีหลักการปรับที่คล้ายกัน ดังนี้
เมื่อตั้งค่ากล้องเล็งเรียบร้อยแล้ว หากต้องการส่องวัตถุใดๆ บนท้องฟ้า ให้หมุนกล้องดูดาวจนศูนย์เล็งของกล้องเล็งชี้ไปที่วัตถุนั้นโดยตรงได้เลย เมื่อเล็งตรงแล้ว พอมองผ่านเลนส์ใกล้ตา ก็จะสามารถมองเห็นวัตถุนั้นอยู่ตรงกลางภาพได้แล้ว ทั้งนี้ ผลลัพธ์ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราปรับกล้องเล็งได้แม่นยำแค่ไหนด้วย ดังนั้น ต้องฝึกทำให้ชิน และควรปรับกล้องเล็งทุกครั้งในการใช้งานกล้องดูดาว
2. การเลือกใช้เลนส์ใกล้ตา
เมื่อคุณจับกล้องดูดาวครั้งแรก ไม่ควรข้ามขั้นตอนไปใช้เลนส์ใกล้ตาขนาดเล็กเพื่อให้ได้กำลังขยายสูงๆ เพราะนอกจากจะทำให้หาวัตถุยาก ภาพสั่นไหว โฟกัสยาก ภาพที่มองเห็นผ่านรูเล็กๆ นั้นก็ยิ่งชวนให้ปวดตามากๆ ดังนั้น ควรเริ่มต้นด้วยเลนส์ใกล้ตาขนาดใหญ่ หรือ เลนส์ใกล้ตาที่มีทางยาวโฟกัสยาวที่สุดก่อน
เมื่อส่องเจอวัตถุได้จากกำลังขยายน้อยๆ แล้ว จึงค่อยๆ ขยับไปใช้เลนส์ใกล้ตาขนาดที่เล็กลงเรื่อยๆ เพื่อให้ได้กำลังขยายที่สูงขึ้น แต่ว่าเลนส์ใกล้ตายิ่งเล็กแค่ไหน รูหรือช่องที่เราส่องภาพก็จะยิ่งเล็กลงเรื่อยๆ เช่นกัน ดังนั้น หากมี Barlow Lens ให้นำมาใช้ร่วมกับเลนส์ใกล้ตาขนาดใหญ่จะดีกว่า แต่ก็ต้องคำนวณให้ดีด้วยว่าหากใช้ Barlow Lens แล้วจะได้กำลังขยายที่สูงเกินสเปคกล้องดูดาวหรือไม่ เพราะกล้องดูดาวที่เราซื้อมาบางรุ่นจะมีแถม Barlow Lens ที่ไม่มีประโยชน์ต่อกล้องตัวนั้นมาให้ด้วย แต่ก็สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยการซื้อ Barlow Lens ใหม่ หรือ ซื้อเลนส์ใกล้ตาขนาดที่ใหญ่มากพอที่จะนำมาใช้ร่วมกันได้ และมีข้อควรระวังระหว่างเลือกซื้อคือขนาดช่องมองภาพ ที่จะมีทั้ง 1.25 นิ้ว และ 2 นิ้ว หากซื้อขนาดมาไม่ตรงกับกล้องดูดาวของคุณ ก็จะไม่สามารถใส่เลนส์ใกล้ตานั้นได้
นอกจากนี้ ยังมีเลนส์ใกล้ตาบางรุ่นที่มีการออกแบบที่ซับซ้อนขึ้น เพื่อให้ได้มุมมองภาพที่กว้าง ขนาดเลนส์ไม่เล็ก แต่ยังคงได้กำลังขยายที่สูงอยู่ เช่น เลนส์ใกล้ตา Celestron X-Cel LX 2.3 mm ที่ให้มุมมองภาพที่กว้างถึง 60 ํ
** สูตร
230/52 ถนนลาดพร้าวซอย 1 แยก 27 แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม.10900
ผู้ชมทั้งหมด | 3,238,048 ครั้ง |
เปิดร้าน | 10 ก.ค. 2555 |