
เทคโนโลยีกล้องถ่ายภาพความร้อนแบบพกพา (Handheld) ได้เข้ามามีบทบาทอย่างมากในหลากหลายอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นงานตรวจสอบอาคาร, การบำรุงรักษาเครื่องจักรกลและระบบไฟฟ้า, การวินิจฉัยทางการแพทย์, งานวิจัยและพัฒนา, หรือแม้กระทั่งในภารกิจกู้ภัย ด้วยความสามารถในการตรวจจับความร้อน-เย็นและแสดงผลออกมาในรูปแบบของภาพ ทำให้เรามองเห็นในสิ่งที่ตาเปล่ามองไม่เห็น และสามารถระบุปัญหาที่อาจซ่อนอยู่ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
อย่างไรก็ตาม การเลือกซื้อกล้องถ่ายภาพความร้อน Handheld สักตัวที่ตอบโจทย์การใช้งานและงบประมาณของเรานั้น จำเป็นจะต้องพิจารณาปัจจัยต่างๆ อย่างรอบคอบ และในบทความนี้ เราจะพาคุณไปเจาะลึกถึงสิ่งที่ควรนำมาพิจารณา เพื่อให้คุณสามารถเลือกซื้อกล้องถ่ายภาพความร้อนที่คุ้มค่าและมีประสิทธิภาพสูงสุด
1. ความละเอียดของภาพ (Thermal Resolution)
เปรียบเสมือนจำนวนพิกเซลในภาพถ่ายทั่วไป ยิ่งความละเอียดสูง ภาพความร้อนก็จะยิ่งคมชัด สามารถแสดงรายละเอียดของส่วนต่างๆ ได้มากขึ้น ทำให้เราไม่พลาดจุดอุณหภูมิเล็กๆ ที่อาจเป็นปัญหาได้อย่างแม่นยำ โดยความละเอียดของภาพยิ่งสูงก็จะยิ่งมีราคาที่สูงขึ้นตามไปด้วย

2. ช่วงอุณหภูมิที่สามารถวัดได้ (Temperature Range) : กล้องแต่ละรุ่นจะมีช่วงอุณหภูมิที่สามารถตรวจจับได้แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับการใช้งานของคุณ เช่น
- สำหรับตรวจสอบอาคาร : มีช่วงการตรวจจับอุณหภูมิในระดับเริ่มต้น ประมาณ -20 °C ถึง +350 °C หรือมากกว่า
- สำหรับงานซ่อมบำรุงไฟฟ้าและเครื่องกล : มีช่วงการตรวจจับอุณหภูมิที่กว้างกว่า เช่น -40 °C ถึง +650 °C หรือสูงกว่านั้น
- สำหรับงานหลอมโลหะหรือเตาเผา : เน้นคุณสมบัติของช่วงการตรวจจับอุณหภูมิที่สูงมากๆ เช่น +400 °C ถึง +1500 °C หรือ +1800 °C

3. ความไวต่ออุณหภูมิ หรือ ค่า NETD (Thermal Sensitivity หรือ Noise Equivalent Temperature Difference)
ค่าที่บ่งบอกถึงความสามารถในการตรวจจับความแตกต่างเล็กน้อยของอุณหภูมิ มีหน่วยเป็นมิลลิเคลวิน (mK) ยิ่งกล้องมีค่า NETD ต่ำ = กล้องตัวนั้นจะมีความไวในการตรวจจับสูง สามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิเพียงเล็กน้อยได้ดี เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแม่นยำสูงในการระบุความผิดปกติเล็กๆ น้อยๆ
ซึ่งในบางเจ้าอาจระบุเป็น ํC เท่านั้น ไม่ได้บอกค่า NETD โดยตรง เพื่อให้ง่ายต่อความเข้าใจ เช่น 0.05 ํC (เท่ากับค่า NETD 50 mK) หมายความว่ากล้องตัวนั้นสามารถตรวจจับอุณหภูมิที่มีความแตกต่างกันได้ละเอียดถึง 0.05 องศาเซลเซียส
4. ความแม่นยำในการวัดอุณหภูมิ (Temperature Accuracy) : บ่งบอกถึงความน่าเชื่อถือของค่าอุณหภูมิที่กล้องวัดและแสดงผลออกมา ว่ามีความคลาดเคลื่อนจากค่าอุณหภูมิที่แท้จริงของวัตถุมากน้อยแค่ไหน ซึ่งโดยทั่วไปจะระบุเป็นค่า ± พร้อมหน่วย เช่น ±2°C หรือ ±2% ของค่าที่อ่านได้ ควรพิจารณาความแม่นยำที่ต้องการสำหรับการใช้งานของคุณ เช่น
- ± 2 °C = มีความแม่นยำ บวกลบสององศาเซลเซียส
- ± 2% = มีความแม่นยำ บวกลบสองเปอร์เซ็นต์ ของค่าอุณหภูมิที่วัดได้
คุณสมบัติสำคัญที่ต้องทำความเข้าใจเพิ่มเติม :
- อัตราส่วนระยะทางต่อจุด (Distance to Spot Ratio - D:S Ratio) : ค่านี้บ่งบอกถึงขนาดพื้นที่ต่ำสุดที่กล้องสามารถวัดอุณหภูมิได้อย่างแม่นยำ ณ ระยะทางที่กำหนด ตัวเลข D:S เช่น 20:1 หมายความว่า หากคุณต้องการวัดอุณหภูมิของจุดที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1 หน่วย คุณจะต้องอยู่ห่างจากเป้าหมายไม่เกิน 20 หน่วย ยิ่งค่า D:S สูง กล้องก็จะสามารถวัดจุดที่เล็กกว่าได้จากระยะที่ไกลกว่า ดังนั้น หากคุณต้องการวัดวัตถุขนาดเล็กจากระยะไกล ควรเลือกกล้องที่มีค่า D:S สูง
- ค่าความละเอียดเชิงพื้นที่ IFOV (Instantaneous Field of View) : มีหน่วยเป็นมิลลิเรเดียน (mrad) ค่า IFOV คือขนาดเชิงมุมของพิกเซลหนึ่งพิกเซลบนเซ็นเซอร์รับภาพความร้อน ยิ่งค่า IFOV เล็กเท่าไหร่ กล้องก็จะสามารถแยกแยะรายละเอียดของวัตถุที่มีขนาดเล็กได้ดีขึ้นจากระยะไกล ค่า IFOV สัมพันธ์โดยตรงกับความละเอียดของเซ็นเซอร์และความสามารถของเลนส์ โดยทั่วไป ค่า IFOV สามารถคำนวณได้จากขนาดของพิกเซลและทางยาวโฟกัสของเลนส์ หรือระบุอยู่ในสเปคของกล้อง ค่า IFOV ที่เล็กกว่าจะให้ภาพที่มีความละเอียดเชิงพื้นที่สูงกว่า
- การปรับตั้งค่า Emissivity : เนื่องจากวัสดุแต่ละชนิด มีประสิทธิภาพในการแผ่รังสีความร้อนที่แตกต่างกัน โดยวัสดุบางชนิดจะแผ่รังสีความร้อนได้ดี (Emissivity สูง ใกล้ 1) ในขณะที่บางชนิดแผ่รังสีได้ไม่ดี แต่จะสะท้อนรังสีจากวัตถุอื่นแทน (Emissivity ต่ำ ใกล้ 0) ดังนั้นก่อนใช้งาน จึงต้องมีการปรับค่า Emissivity ให้เหมาะสมกับวัสดุที่ต้องการวัดความอุณหภูมิ เพื่อให้กล้องสามารถแปลงค่ารังสีอินฟราเรดที่ตรวจจับได้ เป็นค่าอุณหภูมิที่ใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากที่สุด ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้มีความแม่นยำและสามารถนำไปใช้งานได้อย่างถูกต้อง ซึ่งหากค่า Emissivity ไม่ถูกต้อง ค่าอุณหภูมิที่แสดงผลออกมาจะคลาดเคลื่อนได้ง่าย
ความสัมพันธ์ระหว่าง Thermal Resolution, D:S Ratio และ IFOV :
ทั้ง 3 คุณสมบัตินี้มีความสัมพันธ์กันอย่างมาก โดยความละเอียดของภาพความร้อน (จำนวนพิกเซล) เป็นพื้นฐานในการสร้างภาพ แต่ค่า D:S Ratio และ IFOV เป็นตัวบ่งชี้ว่ากล้องมีความสามารถในการวัดอุณหภูมิของจุดขนาดเล็กจากระยะไกลได้แม่นยำแค่ไหน ซึ่งกล้องที่มีความละเอียดสูงแต่ค่า D:S หรือ IFOV ไม่ดี ก็อาจไม่สามารถวัดอุณหภูมิของเป้าหมายที่มีขนาดเล็กจากระยะไกลได้อย่างแม่นยำ
นอกเหนือจากคุณสมบัติหลักๆ ข้างต้นแล้ว กล้องจับความร้อนแบบมือถือในปัจจุบัน ยังมีคุณสมบัติเสริมต่างๆ ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานได้ดียิ่งขึ้น เช่น
- การซ้อนภาพความร้อนกับภาพจริง (Picture-in-Picture หรือ Thermal Fusion) : คุณสมบัตินี้ช่วยให้คุณเห็นภาพจริงควบคู่ไปกับภาพความร้อน ทำให้ง่ายต่อการระบุตำแหน่งของปัญหา และสื่อสารผลการตรวจสอบได้อย่างชัดเจน
- การเชื่อมต่อ : เช่น Wi-Fi, Bluetooth, USB ช่วยให้สามารถถ่ายโอนข้อมูลภาพหรือวีดีโอไปยังอุปกรณ์อื่นๆ ได้อย่างสะดวก และบางรุ่นอาจรองรับการควบคุมระยะไกลผ่านแอปพลิเคชัน
- ซอฟต์แวร์วิเคราะห์ภาพที่รองรับ : ซอฟต์แวร์ที่มาพร้อมกับกล้องหรือสามารถใช้งานร่วมกันได้ ช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลความร้อนเพื่อการนำเสนอ รายงาน ปรับแต่งภาพ หรือเปรียบเทียบข้อมูลในอดีตได้

- หน้าจอแสดงผล : หน้าจอควรมีขนาดที่เหมาะสม ความละเอียดดี และแสดงผลข้อมูลได้อย่างชัดเจน รวมถึงมีการใช้งานที่ง่ายและสะดวก
- ความทนทานและมาตรฐานการป้องกัน (Durability and IP Rating) : หากต้องใช้งานในสภาพแวดล้อมที่สมบุกสมบัน ควรเลือกกล้องที่มีความทนทานต่อการตกกระแทก ฝุ่น และน้ำ เพื่อให้มั่นใจว่ากล้องจะสามารถทำงานได้ในทุกสถานการณ์ที่ต้องการ
- เครื่องมือวัดและวิเคราะห์ขณะใช้งาน : เช่น จุดวัด (Spot Meter), พื้นที่วัด (Area Measurement), การแสดงค่าอุณหภูมิสูงสุด/ต่ำสุด, และการแจ้งเตือนอุณหภูมิ (Temperature Alarms) ช่วยให้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้นได้ในทันที

5. พิจารณาปัจจัยด้านงบประมาณและผู้ผลิต :
- ราคาและงบประมาณ : กล้องถ่ายภาพความร้อนมีราคาตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักแสนบาท จะเห็นได้ว่ามีช่วงราคาที่กว้างมาก ดังนั้น คุณต้องรู้จุดประสงค์การใช้งานและพิจารณาคุณสมบัติที่เหมาะสม เพื่อให้สามารถกำหนดงบประมาณของคุณได้
- ผู้ผลิตและความน่าเชื่อถือ : เลือกซื้อจากผู้ผลิตที่มีชื่อเสียง มีประวัติการผลิตกล้องถ่ายภาพความร้อนที่มีคุณภาพ และมีการรับประกันสินค้าที่ดี รวมถึงบริการหลังการขายที่น่าเชื่อถือ
ดังนั้น การเลือกซื้อกล้องถ่ายภาพความร้อน Handheld ที่เหมาะสมนั้น ต้องอาศัยการพิจารณาอย่างรอบด้าน ทั้งในเรื่องของวัตถุประสงค์การใช้งาน คุณสมบัติทางเทคนิค คุณสมบัติเสริม งบประมาณ และความน่าเชื่อถือของผู้ผลิต การทำความเข้าใจปัจจัยเหล่านี้อย่างถ่องแท้ จะช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจเลือกซื้อกล้องถ่ายภาพความร้อนที่คุ้มค่าและตอบโจทย์การใช้งานของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย
หากสนใจกล้องจับความร้อน สามารถเลือกซื้อกับทางเราได้ที่ >> กล้องอินฟราเรด จับความร้อน แบรนด์แท้ HIKMICRO << หรือหากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถติดต่อสอบถามได้ที่👇